สนามบินที่น่านอนที่สุดในโลก
ทำไมต้องนอนในสนามบิน
หลายครั้งที่ผู้โดยสารบินไปถึงจุดหมายในเวลากลางคืน ซึ่งบางเมืองจะไม่มีรถขนส่งสาธารณะให้บริการเข้าตัวเมืองจนกว่าจะเช้า ถ้าออกนอกบริเวณสนามบินก็ไม่มีที่ไปอยู่ดี หลายคนจึงเลือกนอนในสนามบินจนกว่าจะเช้าแทน บางคนที่ต้องรอเปลี่ยนเครื่อง แต่ระยะเวลารอไม่มากพอจะออกไปเที่ยวในประเทศนั้นหรือเหนื่อยจนไม่อยากไปไหนก็เลือกที่จะนอนรอในบริเวณสนามบินค่ะ
จริงๆ แล้วไม่ใช่สนามบินทุกแห่งจะอนุญาตให้เรานอนนะคะ บางที่ห้ามเด็ดขาด ยามจะมาไล่ตลอด บางที่ก็ให้นอนได้แค่บางบริเวณเท่านั้น บางที่ก็มีโรงแรมภายในอาคารสนามบินให้บริการแบบรายชั่วโมง ซึ่งราคาค่อนข้างสูงมาก ฉะนั้นจะไปสนามบินไหน อย่าลืมตรวจสอบให้ดีนะคะว่าสามารถนอนค้างในสนามบินได้หรือไม่ เพราะบางที่ยามก็โหดสุดๆ ไปเลยค่ะ
ใครเป็นคนจัดอันดับ
อันดับสนามบินน่านอนเป็นการจัดอันดับของเว็บไซต์ sleepinginairports.net ที่รวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการจริงมาตั้งแต่ปี 1996 และยังถูกนำไปอ้างอิงโดย TIME, Reuters, USA Today, CNBC, The New York Times, CNN และอีกหลายสำนักข่าว ผู้โหวตคือผู้ใช้บริการสนามบินนั้นๆ จริงแล้วส่งภาพพร้อมข้อมูลมาให้ทางเว็บประเมินข้อดีข้อเสีย เพื่อจัดอันดับ
เกณฑ์การให้คะแนน
ปกติการให้คะแนนสนามบินยอดเยี่ยมจะดูทั้งเรื่องความรวดเร็วของการตรวจคนเข้าเมือง การสแกนกระเป๋า หาที่จอดรถ รวมไปถึงความหลากหลายของสายการบินที่ลงจอดที่นั่น แต่การจัดอันดับสนามบินน่านอนจะไม่เอาเรื่องพวกนั้นมาพิจารณาค่ะ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสุขในการนอนเลย เกณฑ์การให้คะแนนมีอยู่ 4 ข้อค่ะ หรือที่เรียกว่า 4C ได้แก่ comfort, conveniences, cleanliness และ customer service
Comfort (ความสบาย) คือต้องมีที่ให้นอนเยอะๆ เบาะนุ่มๆ ไม่ใช่เหล็กเย็นๆ แข็งๆ และที่นั่งจะต้องไม่มีที่วางแขนด้วย เพราะจะได้นอนเหยียดยาวได้เลย
Conveniences (ความสะดวก) คือต้องมี WiFi ฟรี มีร้านอาหารที่เปิด 24 ชม. มีห้องน้ำรวมทั้งห้องอาบน้ำ และมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำระหว่างรอเปลี่ยนเครื่อง
Cleanliness (ความสะอาด) ห้องน้ำต้องสะอาด ทางเดินต้องไม่มีขยะ มีถังขยะตั้งเป็นระยะ ไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับภายในส่วนที่ให้นอน
Customer Service (การบริการลูกค้า) เจ้าหน้าที่ต้องเฟรนด์ลี่ ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจช่วยเหลือ มีหมอนมีผ้าห่มบริการ และยินดีให้ผู้โดยสารนอนค้างในสนามบิน
อันดับ 1 Singapore Changi International Airport (SIN)
เป็นสนามบินที่สุดแห่งความน่านอนเพราะได้รางวัล Golden Pillow หรือหมอนทองคำ (ไม่ใช่ทุเรียนนะ) มาถึง 16 ปีซ้อน เพราะมีทั้งเก้าอี้เอนเหมือนเตียงนิ่มๆ ให้บริการฟรี แถมยังหรี่ไฟบริเวณนั้นให้นอนกันได้สบายๆ ด้วย ขนาดพี่ที่เป็นคนนอนหลับยากมากและมักไม่หลับในที่แปลกถิ่น ยังนอนได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีโซนฉายภาพยนตร์ให้ดูด้วย วันนั้นที่พี่ไปเขาเปิดช่อง Fox Movies Premium ให้ดู เหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ พนักงานในสนามบินก็ดีเยี่ยมนะคะ เพราะตอนเดิน ขับรถ หรือจะทำความสะอาดผ่านบริเวณนี้ เขาจะลดเสียงให้เบาที่สุด เดินก็ผ่อนน้ำหนักไม่ให้มีเสียง พนักงานขัดพื้นยังดับเครื่องยนต์จนกว่าจะผ่านจุดนี้ไปเลย เสียงดังที่รบกวนมีแค่ตอนกรุ๊ปทัวร์จีนเดินผ่าน
อีกหนึ่งความประทับใจคือมีผ้าห่มแจกฟรีด้วย จะดีไปไหนเนี่ย ถ้าไม่มีที่นอนเหลือ บางบ้านก็ปูผ้าห่มนอนกับพื้นแต่ก็ไม่โดนไล่ค่ะ เขาเข้าใจกันว่าต่างคนก็ต่างมานอนรอตอนเช้าที่รถไฟฟ้าเปิดบริการ สัญญาณ WiFi ก็แรงดีค่ะ ไม่ต้องไปขอรหัสอะไรเลยด้วย ชอบมาก
ข้อเสียคือ น่าจะมีเก้าอี้นอนเพิ่มมากกว่านี้ เพราะไม่เพียงพอต่อความต้องการในบางช่วงเวลา


อันดับ 2 Seoul Incheon International Airport (ICN)
อีกหนึ่งสนามบินที่ตัวพี่เองก็ติดใจเอามากๆ เพราะตอนไปอเมริกาก็เปลี่ยนเครื่องที่นี่ตลอด บางครั้งนอนกลางคืน บางครั้งนอนกลางวัน บางครั้งรอนานมากก็เข้าไปมยองดงเล่นๆ ก่อนกลับเข้าสนามบินใหม่ 555 เป็นสนามบินที่ครบวงจรดีมากเลยค่ะ เครื่องคอมพร้อมอินเตอร์เน็ตก็มีบริการเป็นระยะ ใครที่ไม่มีเครื่องมือเล่น WiFi มาเองก็ไปเล่นของสนามบินได้ สะดวก ไม่ถามอะไรเลยด้วย แต่ก็มีพนักงานสาวสวยอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ
เรื่องที่นอนก็มีทั้งแบบเก้าอี้เอนนอนและเก้าอี้ธรรมดา ถ้าใครกลัวจะหลับเพลินแล้วตกเครื่องก็สามารถนอนรอหน้าประตูขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ เก้าอี้ไม่มีที่วางแขน นอนเหยียดไปได้เลย เก้าอี้แต่ละเกทก็มีเยอะมาก เพียงพอที่ผู้โดยสารจะมานั่งรอ ทำให้ไม่รู้สึกผิดที่เรานอนกินที่ 3 เก้าอี้ ถ้าตื่นมาเบื่อๆ ก็ดูขบวนพาเหรดชุดฮันบกได้นะคะ มีมาเรื่อยๆ เลย
สนามเด็กเล่นเล็กๆ ก็มีนะคะ ช่วงที่ไม่มีใครเลยพี่ก็แอบไปนั่งม้าโยกมาค่ะ แต่พอเห็นลุงยามมาไกลๆ ก็รีบลุกเพราะกลัวเขาว่าว่าน้ำหนักเกินเดี๋ยวของจะพัง ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านขนมก็มีอยู่ตลอดแทบจะประตูเว้นประตู ห้องน้ำก็มีเรื่อยๆ พนักงานทำความสะอาดบ่อยจึงไม่มีกลิ่น และยังมีเครื่องกดน้ำฟรีอีกด้วย และที่สาวๆ น่าจะชอบมากที่สุดคือมี Duty Free เยอะมาก เดี๋ยวก็เจอ เดี๋ยวก็เจอ พี่ยังเข้าไปเนียนชิมช็อคโกแลตฟรีเรื่อยๆ เลย
ข้อเสียคือ อาหารและเครื่องดื่มน่าจะถูกกว่านี้ ส่วนใหญ่จะแพงเว่อร์เกินควร
อันดับ 3 Hong Kong International Airport (HKG)
ไม่ได้ไปฮ่องกงมาหลายปีมากแล้ว ยุคนั้นยังไม่มี WiFi เลย 555 ความทรงจำพี่เลยมีแต่เรื่องนอนกับนั่งอ่านหนังสือ แต่ตอนนี้สนามบินฮ่องกงแข่งกับอินชอนสูสีมากค่ะ ผลัดกันเป็นที่ 2 ที่ 3 กันคนละปี ฉะนั้นรายละเอียดต่างๆ จึงเหมือนกับที่อินชอน คือมี WiFi ฟรี และมีเก้าอี้นอน รวมถึงเก้าอี้นั่งแบบไม่มีที่วางแขน
ร้านค้าก็เปิดตลอดเวลาแถมภาษาอังกฤษของพนักงานดีกว่าที่อินชอนมากๆ ในส่วนของความบันเทิงก็มีการสาธิตการชงชาและทำยาจีนค่ะ รวมไปถึงตู้เกม ถ้าใครได้แวะพักเปลี่ยนเครื่องที่นี่ก็น่าจะเป็นสถานที่เหมาะกับการยืดแข้งยืดขาหลังนั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมง
ข้อเสียคือ WiFi ฟรีช้าไปหน่อย และห้องอาบน้ำมีไม่พอค่ะ
อันดับ 4 Amsterdam Schiphol Airport (AMS)
เป็นสนามบินที่น่านอนมากที่สุดในยุโรป เพราะไม่เน้นช้อปปิ้ง แต่เน้นการผ่อนคลายให้ผู้โดยสารล้วนๆ เลยค่ะ จุดงีบมีเยอะมากๆ และกระจายทั่วอาคารผู้โดยสาร เก้าอี้เอนสำหรับนอนก็เป็นทรงเก้าอี้ชายหาดที่เหมาะกับการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ห้องสมุด งานแสดง โรงยิม สปา ห้องซาวน่า คาสิโน รวมไปถึงโรงภาพยนตร์แบบ 6 มิติ ที่แม้จะเป็นกิจกรรมที่ต้องเสียเงิน แต่ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย
ผู้ใช้บริการหลายท่านคอนเฟิร์มว่าโซนสำหรับนอนนั้น เงียบได้ใจสุดๆ ไปเลยด้วย เพราะถ้ามีใครเสียงดังขึ้นมา เจ้าหน้าที่จะเชิญออกให้เลยค่ะ
ข้อเสียคือ WiFi ฟรีใช้ได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น น่าจะให้ฟรีตลอด
อันดับ 5 Kuala Lumpur International Airport - KLIA (KUL)
นอกจากจะดูเป็นสนามบินแห่งแสงสีแล้ว ก็เป็นสนามบินที่เหมาะกับการนอน เพราะมีเก้าอี้เป็นม้านั่งยาวเรียบๆ มีเบาะที่ทำให้นอนราบได้อย่างสะดวก ไม่รู้สึกถึงร่องระหว่างที่นั่ง บางคนก็ดันม้านั่งยาวสองตัวเข้าหากันทำเป็นเตียงคู่ไว้นอนด้วยกัน 2 คนได้อย่างสบายๆ ยกเท้าพาดกระเป๋าก็เพิ่มความสบายให้กับขาที่อ่อนล้าจากการเดินทางได้ เก้าอี้เอนมีบริการเล็กน้อย แต่หลายคนเลือกปูเสื่อนอนกับพื้นแทนก็ไม่ได้ถูกดุอะไร
มีบริการทั้ง WiFi ฟรีและคอมพิวเตอร์พร้อมอินเตอร์เน็ต แต่ไม่มีกิจกรรมอื่นให้ทำแล้วนอกจากนี้ ยกเว้นการเดินชมแสงสีและการจัดสนามบินสวยๆ
ข้อเสียคือ ร้านอาหารที่เปิด 24 ชั่วโมงมีไม่กี่แห่ง และขายอาหารไม่กี่ประเภทเท่านั้น ถ้าจะไปรอขึ้นเครื่องช่วงกลางคืนควรพกอาหารรองท้องไปเอง
อันดับ 6 Helsinki Vantaa Airport (HEL)
อันดับ 7 Vancouver International Airport (YVR)
อันดับ 8 Munich Airport (MUC)
อันดับ 9 Zurich Airport (ZRH)
อันดับ 10 Toronto Lester B. Pearson International Airport (YYZ)
ขอบคุณที่มา : www.dek-d.com พี่พิซซ่าค่ะ